แกร็บ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ ปคบ.หนุนป้องกัน-ปราบปรามการกระทำความผิดผ่านแอปฯ
แกร็บ ประเทศไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวน สอบสวน ป้องกัน และปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง หรืออาจเกี่ยวข้องกับการใช้แอปพลิเคชัน แกร็บ ในประเทศไทย พร้อมมุ่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของแกร็บในการป้องกัน และตรวจจับการกระทำผิดกฎหมายบนแอปพลิเคชันแกร็บ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของประชาชน และผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันแกร็บ
พ.ต.อ. เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ ๔ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เผยว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้กับผู้ไม่ประสงค์ดี หรือมิจฉาชีพใช้ในการกระทำความผิดต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับผู้บริโภค ปคบ. จึงได้พยายามประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคเอกชนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการสืบสวน สอบสวนกรณีที่มีการก่ออาชญากรรมหรือการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชัน โดย แกร็บ ถือเป็นหนึ่งแอปพลิเคชันที่ปัจจุบันผู้คนนิยมใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น บริการเรียกรถ หรือบริการสั่งอาหาร และส่งพัสดุ จึงทำให้มีฐานข้อมูลของผู้ใช้บริการ และคนขับ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน และติดตามตัวผู้ต้องสงสัยได้ การประกาศความร่วมมือกับ แกร็บ ประเทศไทย ในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับความปลอดภัย และรักษาความสงบให้กับสังคม ทั้งนี้ ปคบ. จะพิจารณาที่จะขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ ในอนาคต”
ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ตลอดจนผู้คนในสังคม ถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่แกร็บให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการดำเนินธุรกิจ จึงทำให้เรามีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย และควบคุมมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน อาทิ การคัดกรองพาร์ทเนอร์คนขับอย่างเข้มงวด ด้วยการตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลังเป็นเวลาอย่างน้อย 7 ปี และการร่วมมือกับภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในสังคม ผ่านการจัดอบรมสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับเพื่อส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย และการพัฒนาทักษะในการสังเกตและเฝ้าระวังพัสดุภัณฑ์ต้องสงสัย เป็นต้น โดยการร่วมมือ กับ ปคบ. ในครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาบทบาทเชิงรุกของผู้ให้บริการแอปพลิเคชันในการมีส่วนร่วมป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคและคนในสังคม”
ไม่มีความคิดเห็น