Breaking News

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จับมือภาครัฐและเอกชน จัดงาน Electric Vehicle Asia และ iEVTech 2023 ชูแนวคิดดันไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าอาเซียน” ขานรับเทรนด์โลก พัฒนาธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

 

อินฟอร์มามาร์เก็ตส์ขานรับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าเตรียมจัดงานElectricVehicle Asia 2023 (EVA)และ iEVTech 2023 งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมเฉพาะทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าระดับนานาชาติขนทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำจากยานยนต์พลังงานสะอาด ชูแนวคิด “ดันไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าอาเซียน” ด้วยเทรนด์โลกที่มีความคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นจากปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากทำให้หลายประเทศมีนโยบายหรือมาตรการต่างๆ เพื่อผลักดันและเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ประเทศไทยหนึ่งในประเทศที่มีความตั้งใจที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร้อยละ 20 ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวเป็นการปรับโครงสร้างด้านพลังงาน โดยเฉพาะการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ด้วยความสำคัญนี้ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับการเจรจาธุรกิจ ระดับนานาชาติเดินหน้าจัดงานElectric Vehicle Asia (EVA) และ การประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้าiEVTech 2023 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่8โดยผนึกกำลังทางภาครัฐและภาคเอกชนนำโดยกระทรวงพลังงาน,สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT),สมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย(TESTA)และอีกหลากหลายหน่วยงานวางเป้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของไทยโดยมีหมุดหมายที่สำคัญคือ มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า(EV Hub) ของภูมิภาคในอนาคต ทั้งขานรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐและตอบสนองอุปสงค์การเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในไทยที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) กล่าวว่า วันนี้ยานยนต์ไฟฟ้าในไทยเติบโตและกลายเป็นที่ต้องการของตลาด โดยข้อมูลจากกรมขนส่งทางบกระบุไว้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวเลขการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบๆ 400% ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับประเทศไทยหลังจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าได้ประกาศใช้มาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกันนี้ในช่วงต้นปี2566 คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบในหลักการเพื่อสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจากร้อยละ8ลดเหลือร้อยละ1รวมทั้งมาตรการที่สำคัญคือการให้เงินสนับสนุนวงเงิน 24,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทยรวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV Conversion) เพื่อเปลี่ยนยานยนต์เก่าที่ใช้เครื่องยนต์ระบบสันดาปภายใน (ICE) ไปเป็นระบบพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นส่วนขับเคลื่อนที่สำคัญในการส่งเสริมการใช้ EV ในไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    นายกฤษฎา ขยายความต่อไปว่า สำหรับสมาคมฯ เรามีแนวทางในการร่วมผลักดันความเป็นไปได้ในทุกๆ ช่องทางเพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ผู้ใช้งาน ผู้ประกอบการ ให้สามารถใช้ EV ได้อย่างเต็มศักยภาพ เช่น การจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงเพื่อธุรกิจในอนาคต ครั้งที่ 2 และอีกกิจกรรมสำคัญคือ การพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าด้วยการจัดงานสัมมนาทางวิชาการ iEVTech ร่วมกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 8 เพื่อนำเอาองค์ความรู้ใหม่ๆด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับยานยนต์พลังงานสะอาดมาถ่ายทอดยิ่งในปัจจุบันความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้นในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์รายใหม่การจัดงานในครั้งนี้เราเชื่อมั่นว่าจะเกิดการแลกเปลี่ยนแนวทางในการผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในไทยและภูมิภาคเพิ่มขึ้นในอนาคต

   


ด้านดร.พิมพาลิ้มทองกุลนายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA)กล่าวว่าเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน เป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและนำไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของไทยและทั่วโลก โดยคาดการณ์การเติบโตในทั้งสองตลาดอยู่ในระดับที่สูงมาก ประมาณ 30% ต่อปี ด้วยความสำคัญดังกล่าว สมาคมฯได้เข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและแบตเตอรี่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศและอีกหนึ่งงานที่มีความสำคัญด้านยานยนต์ไฟฟ้าคืองาน Electric Vehicle Asia (EVA) เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงแต่ในประเทศแต่ในระดับภูมิภาค โดยทางสมาคมฯได้เข้าร่วมจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มีการอัพเดทข้อมูลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการกักเก็บพลังงานผ่านTESTA Symposiumและร่วมจัดการประชุมวิชาการระดับภูมิภาคด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่าง iEVTech2023ปีนี้ทางสมาคมฯเน้นแนวคิดเรื่องความปลอดภัยและแบตเตอรี่ในกระบวนการผลิต (Value Chain)

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า เราจัดงาน Electric Vehicle Asia และ iEVTech 2023 มาอย่างต่อเนื่องทุกปีและได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทุกภาคส่วนโดยเวทีดังกล่าวได้รวบรวมผู้นำเทคโนโลยีและผู้ซื้อในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์จากทั่วทุกมุมโลกมาเจอกันโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ใหม่ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยอาทิเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรเพื่อรองรับความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในอนาคต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Shaping The Future of ASEAN as Electric Vehicle Hub" หรือ ปักหมุดอนาคต สู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าอาเซียน  


สำหรับไฮไลท์สำคัญของการจัดงานในปีนี้คือ การรวบรวมผู้ซื้อผู้ประกอบการจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ที่พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาจัดแสดง รวมถึงการเจรจาและจับคู่ทางธุรกิจพร้อมกันนี้ยังมีการประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า หรือ iEVTech 2023 รวบรวมหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าแบบครอบคลุมซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน เราเชื่อมั่นว่าการจัดงานในปีนี้จะสร้างประโยชน์ในวงกว้างให้กับผู้ประกอบการในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งจากในไทยและต่างประเทศรวมทั้งดึงดูดผู้ซื้อและนักลงทุนให้เข้ามาแลกเปลี่ยนตลอดจนขยายผลในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าให้สอดรับกับเป้าหมายของประเทศและภูมิภาคที่จะบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยเราหวังว่าประเทศไทยจะเป็นผู้นำของภูมิภาคนี้” นางสาวกชสร กล่าวเสริม

เตรียมพบกับงาน Electric Vehicle Asia และ iEVTech2023โดยจัดขึ้นพร้อมกับงาน ASEAN SustainableEnergy Week 2023 (ASEW) งานแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่ครบครันที่สุดในภูมิภาค ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม -1 กันยายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ติดตามข้อมูลการจัดงานเพิ่มได้ที่ www.evasia-expo.com 

////////////////


ไม่มีความคิดเห็น