Glenfiddich ‘THE WHERE NEXT CLUB’เพราะความร่วมสมัยคือ Single Best Quality ไปสู่ NEXT
Glenfiddich “THE WHERE NEXT CLUB” present “The Contemporary” quality
Glenfiddich อยากชวนทุกคนร่วมค้นหา ‘Your Single Best Quality’ กับแคมเปญ “THE WHERE NEXT CLUB” คลับที่จะพาทุกคนมาเจอกัน มาแชร์เรื่องราว และแชร์ Quality ของตนเอง ส่งต่อเรื่องราวนั้นๆ ให้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อนำชีวิตไปสู่ Next ในแบบของตัวเอง โดยครั้งนี้ได้ร่วมมือกับ The Decorum ผู้ซึ่งรวบรวม Contemporary Artisan จากทั่วมุมโลก มาจัด Trunk show เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสกับเหล่า Artisan เกือบทุกเดือน ซึ่งในวันที่ 24-27 มี.ค. ที่ผ่านมานี้ ทาง The Decorum ได้จัด Trunk show ร่วมกับ ASSISI bespoke house จากกรุงโซล ประเทศเกาหลี ผู้ซึ่งนำเทคนิคการทำสูท Italian Style มาทำให้ร่วมสมัยใส่ได้ในชีวิตประจำวัน การสั่งตัดแบบ Bespoke นั้น จำเป็นต้องลอง 1-2 รอบทำให้การสั่งตัดกับ ASSISI bespoke house กินเวลาถึง 3 เดือนกว่า เพราะต้องกลับไปตัดที่เกาหลี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนทำให้การกลับมาของ ASSISI bespoke house ครั้งนี้คึกคักกว่าที่เคยทั้ง ASSISI bespoke house และ Decorum เอง ก็ต่างโด่งดังในเรื่องการทำ Bespoke & Made to measure program จึงอยากนำเสนอสิ่งใหม่ ไปสู่ NEXT อีกขั้นของความเป็นช่างฝีมือ คือร่วมกันออกแบบสูทสำหรับสุภาพสตรี โดยได้คุณโอ๋ ทองไทย renowned jewelry designer ผู้ซึ่งใช้เทคนิคการทำ Jewelry แบบดั่งเดิมของไทยมาทำให้ร่วมสมัย เข้ากับโลกปัจจุบันที่มีความ casual และ relax มากขึ้นกว่าก่อน การที่คุณโอ๋มาร่วมออกแบบและเลือกสรรวัสดุ ลายผ้า และทรงในการตัด jacket ในครั้งนี้ จึงเป็นอีก 1 ความพิเศษของ Trunk show ที่ไม่เคยมีมาก่อน
จากซ้าย คุณ Kim Dabin และ คุณ Kim Min Soo ช่างตัดสูทห้องเสื้อ ASSISI bespoke house, คุณภูเขา ชวพัฒน์ สร้อยศิริ Head of Business Development The Decorum, คุณโอ๋ จรรยาพร ทองไทย เจ้าของแบรนด์ O Thongthai, คุณบอล วรงค์ ภัทรชัยกุล ผู้ก่อตั้ง The Decorum, คุณต๊อก สาธิต พุทธศรี Portfolio Manager บริษัท William Grant & Sons (Thailand) Co., Ltd.
การมาเจอกันของทั้ง 3 คน การผสมผสานแฟชั่นในยุคเก่ากับโลกใหม่ เกิดเป็น Inspiration ของงานครั้งนี้ คือความ “Contemporary” หรือความร่วมสมัย ด้วย style ที่ต่างกันของ Decorum และคุณโอ๋ ทองไทย ทำให้การออกแบบร่วมกันครั้งนี้มีความสนใจ เพราะนอกจากสรีระของผู้หญิง รายละเอียด Jacket แล้ว เครื่องประดับแบบ Fine Jewelry แนวร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณโอ๋ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้การออกแบบครั้งนี้น่าติดตาม
ผ้าที่คุณโอ๋เลือกตัด Jacket กับทาง ASSISI bespoke house นั้น เป็นผ้าใน collection “Black Tie” หรือผ้าสำหรับงานกลางคืน โดยสีและลายที่คุณโอ๋เลือกนั้นคือสีดำ ที่มีความระยิบระยับเหมือนกับ Jewelry ซึ่งคุณโอ๋นำ หินรูปม้าน้ำที่เป็น rose quartz สีชมพูประกบกับ rock quartz engrave จากด้านหลัง เตรียมมาเป็นกระดุมของ Jacket ตัวนี้อีกด้วย
นอกจากนั้นภายในงานเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาได้จัดโชว์เครื่องประดับจาก O Thongthai ที่ทำมาจาก Pink tourmaline, pink spinel, red spinel, pink sapphire, kunzite, diamond & 9k yellow gold ประดับร่วมกับ Single breasted jacket แบบ Milanese โดย Assisi Bespoke House จาก The Decorum แสดงถึงความร่วมสมัยของเครื่องแต่งกายผู้หญิงในปัจจุบัน
การมาเจอกันของทั้ง 3 คน การผสมผสานแฟชั่นในยุคเก่ากับโลกใหม่ เกิดเป็น Inspiration ของงานครั้งนี้ คือความ “Contemporary” หรือความร่วมสมัย ด้วย style ที่ต่างกันของ Decorum และคุณโอ๋ ทองไทย ทำให้การออกแบบร่วมกันครั้งนี้มีความสนใจ เพราะนอกจากสรีระของผู้หญิง รายละเอียด Jacket แล้ว เครื่องประดับแบบ Fine Jewelry แนวร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณโอ๋ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้การออกแบบครั้งนี้น่าติดตาม
ผ้าที่คุณโอ๋เลือกตัด Jacket กับทาง ASSISI bespoke house นั้น เป็นผ้าใน collection “Black Tie” หรือผ้าสำหรับงานกลางคืน โดยสีและลายที่คุณโอ๋เลือกนั้นคือสีดำ ที่มีความระยิบระยับเหมือนกับ Jewelry ซึ่งคุณโอ๋นำ หินรูปม้าน้ำที่เป็น rose quartz สีชมพูประกบกับ rock quartz engrave จากด้านหลัง เตรียมมาเป็นกระดุมของ Jacket ตัวนี้อีกด้วย
นอกจากนั้นภายในงานเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาได้จัดโชว์เครื่องประดับจาก O Thongthai ที่ทำมาจาก Pink tourmaline, pink spinel, red spinel, pink sapphire, kunzite, diamond & 9k yellow gold ประดับร่วมกับ Single breasted jacket แบบ Milanese โดย Assisi Bespoke House จาก The Decorum แสดงถึงความร่วมสมัยของเครื่องแต่งกายผู้หญิงในปัจจุบัน
“The Contemporary” หรือความร่วมสมัยนั้น ภายในงานไม่ได้มีแค่การออกแบบร่วมกันของ โอ๋ ทองไทยและ The Decorum แต่ Glenfiddich “THE WHERE NEXT CLUB” เองก็ได้นำเสนอส่วนผสมของทั้งโลกเก่าและโลกใหม่ เหมือนวิสกี้ของ Glenfiddich ที่ในปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นจะต้องดื่มแบบ traditional อย่างเดียวแต่สามารถดื่มได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง simple mix และนำมาผสมดื่มเป็น Cocktail ให้มีความสนุกขึ้น และเข้าถึงทั้งผู้หญิงและผู้ชายอีกด้วย
เกี่ยวกับ William Grant & Sons
William Grant & Sons, Ltd. เป็นโรงกลั่นเหล้า ของครอบครัว Grant มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรและก่อตั้งโดย William Grant ในปี 1887 ปัจจุบันยังคงดำเนินบริษัทโดยครอบครัวรุ่นที่ 5 และกลั่นสก๊อตวิสกี้ให้กับแบรนด์ชั้นนำของโลกมากมาย รวมถึง Glenfiddich® มอลต์ซิงเกิลมอลต์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์ซิงเกิลมอลต์ที่รังสรรค์ขึ้นจากฝีมือ Balvenie® และสก๊อตช์ผสม ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่าง Grant's® รวมถึงสุราแบรนด์ดังอื่นๆ เช่น Hendrick's® Gin, Sailor Jerry®, Tullamore D.E.W.® Irish Whisky, Monkey Shoulder® and Drambuie®, Reyka® Vodka และ Milagro® Tequila
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทและแบรนด์ของบริษัทที่ www.williamgrant.com
เกี่ยวกับ เกลนฟิดิค (Glenfiddich)
Glenfiddich ก่อตั้งขึ้นในเมือง Dufftown ประเทศสกอตแลนด์ โดย William Grant เริ่มจากวันคริสต์มาสปี 1887 Grant นำวิธีผลิตที่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการวิสกี้ ทำให้ Glenfiddich เป็นเลิศในการบ่มสก็อตวิสกี้มานานกว่า 130 ปี และกลายเป็นซิงเกิลมอลต์วิสกี้ตัวแรกที่ได้รับการโปรโมตนอกสกอตแลนด์ และท้ายที่สุดกลายเป็นซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่ขายดีที่สุดและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ปัจจุบัน Glenfiddich จำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก แต่เป็นหนึ่งในโรงกลั่นมอลต์เพียงไม่กี่แห่งที่ถูกครอบครองและดูแลโดยครอบครัวทั้งหมด และยังคงผลิตในโรงกลั่นเดิมกับที่ William Grant และลูก ๆ ของเขาสร้างขึ้นด้วยมือ
โดย Glenfiddich 3 รุ่นยอดนิยม ก็ต่างมี Single Best Quality ในแบบของตัวเองเช่นกัน
เกลนฟิดิค 12 ปี (Glenfiddich 12 Year Old) ซึ่งโดดเด่นเรื่องของการ Balanced
รุ่นบุกเบิกของตระกูลซิงเกิ้ลมอลต์ ที่ผลิตด้วยการบ่มในถังโอ๊คอเมริกาและยุโรปเป็นเวลา 12 ปี สัมผัสโดดเด่นด้วยกลิ่นธัญพืช ดอกไม้ มิเนอรัล มอลต์ น้ำผึ้ง ซีทรัส สไปซี่ และโอ๊คกรุ่น ๆ ให้รสสัมผัสที่หอมหวาน กลมกล่อม
เกลนฟิดิค 15 ปี (Glenfiddich 15 Year Old) กับ Innovation ที่ไม่เหมือนใคร
รุ่นที่นิยมที่สุดในเหล่าคอวิสกี้ ควอลิตี้สัมผัสโดดเด่นด้วยกลิ่นดอกไม้ ผลไม้เปลือกดำ รวมถึงกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร ให้รสสัมผัสที่หนักแน่น แต่หอมหวานและ ดื่มง่ายโดยถูกบ่มในถัง 3 ถัง ได้แก่ ถังเชอร์รี่ ถังเบอเบินและถังโอ็คใหม่ เป็นเวลา 15 ปี ก่อนที่จะนำวิสกี้จากทั้ง 3 ถังมาบ่มต่อในถัง Solera Vat ขนาดใหญ่ ให้วิสกี้ผสมผสานเข้ากันดีแล้วค่อยตักเพียงครึ่งหนึ่งของถังมาบรรจุลงขวด นับเป็น Innovation ที่ไม่เหมือนใคร
เกลนฟิดิค 18 ปี (Glenfiddich 18 Year Old) ความ Intense ที่นุ่มลึกเฉพาะตัว
รุ่นที่มีขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถันที่สุด รวมถึงผลิตครั้งละน้อยๆ เพื่อคงรายละเอียดแต่ละขั้นตอนเป็นพิเศษถูกบ่มในถังโอ๊ค และถังไม้เชอร์รี่เป็นเวลานานจึงได้กลิ่นของไม้โอ๊คที่เข้มข้น รสสัมผัสที่ที่นุ่มลึกและเผ็ด โดดเด่นด้วยเกรปฟรุ๊ต แอปเปิ้ล เชอร์รี่ ส้ม แบล๊คเบอร์รี่ ไม้แห้ง เครื่องเทศ และสมุนไพร
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทและแบรนด์ของบริษัทที่ www.williamgrant.com
เกี่ยวกับ เกลนฟิดิค (Glenfiddich)
Glenfiddich ก่อตั้งขึ้นในเมือง Dufftown ประเทศสกอตแลนด์ โดย William Grant เริ่มจากวันคริสต์มาสปี 1887 Grant นำวิธีผลิตที่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการวิสกี้ ทำให้ Glenfiddich เป็นเลิศในการบ่มสก็อตวิสกี้มานานกว่า 130 ปี และกลายเป็นซิงเกิลมอลต์วิสกี้ตัวแรกที่ได้รับการโปรโมตนอกสกอตแลนด์ และท้ายที่สุดกลายเป็นซิงเกิลมอลต์วิสกี้ที่ขายดีที่สุดและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ปัจจุบัน Glenfiddich จำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก แต่เป็นหนึ่งในโรงกลั่นมอลต์เพียงไม่กี่แห่งที่ถูกครอบครองและดูแลโดยครอบครัวทั้งหมด และยังคงผลิตในโรงกลั่นเดิมกับที่ William Grant และลูก ๆ ของเขาสร้างขึ้นด้วยมือ
โดย Glenfiddich 3 รุ่นยอดนิยม ก็ต่างมี Single Best Quality ในแบบของตัวเองเช่นกัน
เกลนฟิดิค 12 ปี (Glenfiddich 12 Year Old) ซึ่งโดดเด่นเรื่องของการ Balanced
รุ่นบุกเบิกของตระกูลซิงเกิ้ลมอลต์ ที่ผลิตด้วยการบ่มในถังโอ๊คอเมริกาและยุโรปเป็นเวลา 12 ปี สัมผัสโดดเด่นด้วยกลิ่นธัญพืช ดอกไม้ มิเนอรัล มอลต์ น้ำผึ้ง ซีทรัส สไปซี่ และโอ๊คกรุ่น ๆ ให้รสสัมผัสที่หอมหวาน กลมกล่อม
เกลนฟิดิค 15 ปี (Glenfiddich 15 Year Old) กับ Innovation ที่ไม่เหมือนใคร
รุ่นที่นิยมที่สุดในเหล่าคอวิสกี้ ควอลิตี้สัมผัสโดดเด่นด้วยกลิ่นดอกไม้ ผลไม้เปลือกดำ รวมถึงกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร ให้รสสัมผัสที่หนักแน่น แต่หอมหวานและ ดื่มง่ายโดยถูกบ่มในถัง 3 ถัง ได้แก่ ถังเชอร์รี่ ถังเบอเบินและถังโอ็คใหม่ เป็นเวลา 15 ปี ก่อนที่จะนำวิสกี้จากทั้ง 3 ถังมาบ่มต่อในถัง Solera Vat ขนาดใหญ่ ให้วิสกี้ผสมผสานเข้ากันดีแล้วค่อยตักเพียงครึ่งหนึ่งของถังมาบรรจุลงขวด นับเป็น Innovation ที่ไม่เหมือนใคร
เกลนฟิดิค 18 ปี (Glenfiddich 18 Year Old) ความ Intense ที่นุ่มลึกเฉพาะตัว
รุ่นที่มีขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถันที่สุด รวมถึงผลิตครั้งละน้อยๆ เพื่อคงรายละเอียดแต่ละขั้นตอนเป็นพิเศษถูกบ่มในถังโอ๊ค และถังไม้เชอร์รี่เป็นเวลานานจึงได้กลิ่นของไม้โอ๊คที่เข้มข้น รสสัมผัสที่ที่นุ่มลึกและเผ็ด โดดเด่นด้วยเกรปฟรุ๊ต แอปเปิ้ล เชอร์รี่ ส้ม แบล๊คเบอร์รี่ ไม้แห้ง เครื่องเทศ และสมุนไพร
ไม่มีความคิดเห็น