FAM Trip ร้อยแก่นสารสินธุ์ครั้งที่ 1 ยกระดับการท่องเที่ยวด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ในระหว่างวันที่ 14-16 มิถุนายน 67 ที่ผ่านมา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา4จังหวัดอีสานตอนกลาง (มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – ขอนแก่น - กาฬสินธุ์) สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ได้จัด FAM Trip ร้อยแก่นสารสินธุ์ครั้งที่ 1 โดยมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอัตลักษณ์กลุ่มจังหวัดและยกระดับการท่องเที่ยวเชิงคุณค่ากลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ผลิตภัณฑ์ภายในชุมชน
หอโหวด101 หรือ ROI ET TOWER
บึงพลาญชัยมองจากชั้นบนของหอโหวด101
วิวทิวทัศน์ของเมืองร้อยเอ็ดมองจากชั้นบนของหอโหวด101
ต่อมาในวันที่ 2 ของการเดินทางคณะของเราเดินทางมายังจ.กาฬสินธุ์เข้านมัสการหลวงปู่ศิลาสิริจันโท ที่ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท ตั้งอยู่ในอ.เมืองจ.กาฬสินธุ์เหล่าศิษยานุศิษย์ได้ประจักษ์แก่สายตาในเรื่องพุทธาคมวัตรปฏิบัติ ความเมตตา ความสันโดษ และ เรื่องญาณหยั่งรู้ ที่ท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนจำนวนมาก เดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ ศิลา สิริจันโทอย่างไม่ขาดสาย รูปหล่อเหมือนขนาดใหญ่ของหลวงปู่ศิลา สิริจันโทใน ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา 4 จังหวัดอีสานตอนกลาง (มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด-ขอนแก่น- กาฬสินธุ์ ) โดยการนำของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ เช่น สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) , สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) , สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) , สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย , สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดอุทัยธานี ฯลฯ และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เดินทางร่วม FAM Trip ร้อยแก่นสารสินธุ์ครั้งที่ 1(ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม-กาฬสินธุ์-ขอนแก่น) ในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอัตลักษณ์กลุ่มจังหวัดและยกระดับการท่องเที่ยวเชิงคุณค่ากลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์
โดยในวันแรกของการเดินทางคณะของเราได้เดินทางแวะมาศึกษาดูงานกันที่กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหวายหลึม อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด เป็นหมู่บ้านทอผ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมและจำหน่ายหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น กระเป๋าผ้าฝ้าย เสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านในหมู่บ้านเพื่อหารายได้เสริมช่วงนอกฤดูการทำนา โดยมีลวดลายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของชาวร้อยเอ็ด และยังเป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์มีที่พักรองรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นบ้านหลากหลายจัดจำหน่าย เช่น สินค้ากลุ่มจักสาน พืชผักอินทรีย์สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 08 6871 4886
โดยในวันแรกของการเดินทางคณะของเราได้เดินทางแวะมาศึกษาดูงานกันที่กลุ่มทอผ้าไหมบ้านหวายหลึม อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด เป็นหมู่บ้านทอผ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมและจำหน่ายหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น กระเป๋าผ้าฝ้าย เสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านในหมู่บ้านเพื่อหารายได้เสริมช่วงนอกฤดูการทำนา โดยมีลวดลายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของชาวร้อยเอ็ด และยังเป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์มีที่พักรองรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีสินค้าพื้นบ้านหลากหลายจัดจำหน่าย เช่น สินค้ากลุ่มจักสาน พืชผักอินทรีย์สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 08 6871 4886
ผลิตภัณฑ์ภายในชุมชน
จากนั้นเดินทางต่อไปที่หอโหวด101 หรือ ROI ET TOWER แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ของ จ.ร้อยเอ็ด ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดดเด่นในลักษณะโครงสร้างสถาปัตยกรรมเป็นรูปทรง “โหวด” ซึ่งมีความสูง 101 เมตรสำหรับ “โหวด”ก็มาจาก เครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีประจำจังหวัดร้อยเอ็ด และถูกนำมาออกแบบเป็นรูปทรงของอาคาร จึงกล่าวได้ว่าเป็นหอคอยรูปทรงเครื่องดนตรีท้องถิ่นที่ไม่ซ้ำที่ใดในโลก สามารถขึ้นไปชมบรรยากาศยามเย็นและชมวิวเมืองร้อยเอ็ดและบึงพลาญชัยได้แบบ 360 องศา และยังมีพื้นกระจกใสให้ถ่ายรูปสวย ๆ เหมือนยืนอยู่กลางอากาศ
หอโหวด 101 ตั้งอยู่บนถนนสุริยเดชบำรุง ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด
ค่าเข้าชม บุคคลทั่วไป 50 บาท, นักเรียน-นักศึกษา ผู้สูงอายุ 40 บาท, ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป เด็กเล็ก ผู้พิการ เข้าชมฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ 043 514 101หรือ facebook.com/RoiEtTower
ค่าเข้าชม บุคคลทั่วไป 50 บาท, นักเรียน-นักศึกษา ผู้สูงอายุ 40 บาท, ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป เด็กเล็ก ผู้พิการ เข้าชมฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ 043 514 101หรือ facebook.com/RoiEtTower
หอโหวด101 หรือ ROI ET TOWER
บึงพลาญชัยมองจากชั้นบนของหอโหวด101
วิวทิวทัศน์ของเมืองร้อยเอ็ดมองจากชั้นบนของหอโหวด101
ต่อมาในวันที่ 2 ของการเดินทางคณะของเราเดินทางมายังจ.กาฬสินธุ์เข้านมัสการหลวงปู่ศิลาสิริจันโท ที่ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท ตั้งอยู่ในอ.เมืองจ.กาฬสินธุ์เหล่าศิษยานุศิษย์ได้ประจักษ์แก่สายตาในเรื่องพุทธาคมวัตรปฏิบัติ ความเมตตา ความสันโดษ และ เรื่องญาณหยั่งรู้ ที่ท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งในแต่ละวันจะมีประชาชนจำนวนมาก เดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ ศิลา สิริจันโทอย่างไม่ขาดสาย
หลวงปู่ศิลาสิริจันโท
หลวงปู่ศิลาสิริจันโท
หลวงปู่ศิลาสิริจันโท
หลวงปู่เวิน คุเณสโก
อ.วิโรจน์ ก็มาร่วมงาน
หลวงปู่เวิน คุเณสโก
วิวทิวทัศน์ของบึงแก่นนครมองลงมาจากชั้นบนสุดของพระมหาธาตุ
วัดพุทธวนาราม หรือวัดป่าวังน้ำเย็น
การทำขนมจีนด่องแด่ง
ขนมจีนด่องแด่ง
การทำแป้งจี่
ผลิตภัณฑ์ภายในชุมชน
สาโทสุราพื้นบ้าน
บริการนวดตัว
หลวงปู่ศิลาสิริจันโท
หลวงปู่ศิลาสิริจันโท
จากธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท คณะของเราไปต่อที่วัดบูรพาโคกเครือ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พระครูโสภณวินัยวัฒน์ (หลวงปู่เวิน คุเณสโก) พระสายกรรมฐาน เพชรน้ำดีเมืองกาฬสินธุ์อีกรูปหนึ่ง ท่านมีศิษยานุศิษย์จำนวนมาก และยังเป็นสหธรรมมิกขององค์หลวงปู่ศิลา สิริจันโท ท่านทั้งสองมีอายุเท่ากันอีกด้วย
วัดบูรพาโคกเครือหลวงปู่เวิน คุเณสโก
อ.วิโรจน์ ก็มาร่วมงาน
หลวงปู่เวิน คุเณสโก
อาหารที่บ้านโฮมและเฮือนคำน้อย คำนาง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากนั้นเดินทางต่อมายังพระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น เดิมวัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ดั้งเดิมของจ.ขอนแก่น มีอายุมากว่า 200 ปี ขณะที่พระมหาธาตุแก่นนครนั้น เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มีความสวยงามอลังการ และบริเวณยอดพระธาตุจำลองแบบมาจากยอดพระธาตุพนมในจ.นครพนม
พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงวิวทิวทัศน์ของบึงแก่นนครมองลงมาจากชั้นบนสุดของพระมหาธาตุ
หลังจากเดินทางเข้าที่พักเป็นที่เรียบร้อยแล้วตกเย็นคณะของเราเข้าร่วมงานพิธีเปิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว Familiarization Trip (FAM Trip) กลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ครั้งที่ 1 โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอัตลักษณ์กลุ่มจังหวัดและยกระดับการท่องเที่ยวเชิงคุณค่า กลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่โรงแรมสยามธาราพาเลซ จังหวัดมหาสารคาม มีผู้เข้าร่วมได้แก่ นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม , น.ส.สุขณกมล ศุขศาสตร์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม , นางภควัลรัตน์ มณีสร้อย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด , นายอังกินันท์ ยอดแก้ว ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดขอนแก่น , นางนิชาภา พิชญาเดชากุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม , นายปริญญา มหาโชติ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม , นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย และนายปรีชา การุณ เจ้าของคณะหุ่นกระติ๊บข้าวมหาสารคาม (หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา)
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าร้อยแก่นสารสินธุ์ เป็นกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง 4 จังหวัด ถือเป็นใจกลางอีสาน มีทั้งการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม มีวัดที่สำคัญๆ เส้นทางไดโนเสาร์ เกจิอาจารย์ ฯลฯ ซึ่งทั้ง 4 จังหวัดทำโครงการร่วมกันหลายเรื่องเช่นสมุนไพร การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเชิงอาหาร เป็นต้น โดย 4 จังหวัด มีวัฒนธรรมอีสานที่โดดเด่นและค่อนข้างเข้มแข็ง แม้ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ แต่มีการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา วัฒนธรรม และธรรมชาติ เช่นมหาสารคามมีวัดป่าวังน้ำเย็น เป็นอันซีนนิวแชปเตอร์ของททท. มีไร่แสนดีที่ได้รับความสนใจมาก มีเส้นทางสะพานไม้แกดำ เส้นทางท่องเที่ยวนาดูน เส้นทางท่องเที่ยวกันทรวิชัย เส้นทางโกสุมพิสัย มีสะดืออีสาน เป็นต้น
น.ส.สุขณกมล ศุขศาสตร์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า โครงการร้อยแก่นสารสินธุ์ได้รับการจัดสรรงบประมาณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางทำการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน เพราะหากจะขายจังหวัดเดียวอาจดึงดูดได้ไม่เท่าที่ควร จึงนำ 4 จังหวัดมานำเสนอรวมกัน และเนื่องจากทั้ง 4 จังหวัดมีพื้นที่ใกล้เคียงกัน ห่างกันประมาณ 40 กิโลเมตร สามารถท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริปได้ ทั้งมีความน่าสนใจต่างกัน จึงได้จัดทำโครงการนี้เพื่อเผยแพร่ไปยังผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว สื่อมวลชน ว่าเรามีครบทั้งสายมู สิ่งปลูกสร้าง ชุมชน อาหาร ตลาด ถนนคนเดิน เกจิอาจารย์ดังๆ เส้นทางไดโนเสาร์ มีดนตรีไม่เหมือนกัน มาผสมผสานเป็นโปงลาง เรามีหลากหลายให้เลือกสรรจะตรงกับเจนเนอเรชั่นไหน เรียกว่าเราพร้อมเสิร์ฟทุกเมนู
นายปรีชา การุณ เจ้าของคณะหุ่นกระติ๊บข้าวมหาสารคาม (หมอลำหุ่น คณะเด็กเทวดา) กล่าวว่า ที่จริงแล้วเริ่มมีไอเดียตั้งแต่ปี 2549 ทำหนังตะลุงอีสาน มีช่วงหนึ่งที่คิดอยากทำละครเด็ก จากชุมชนวัฒนธรรมต่างๆ และได้สัมผัสกับงานจักสาน ข้าว เครื่องมือจับปลา พอทำละคร เลยนำกระติ๊บข้าวเอามาทำวัสดุหลัก และมีผ้าขาวม้าต่างๆ มีไม้ไผ่มาทำหุ่น เน้นต้นทุนทางวัฒนธรรม กระติบข้าวทำให้วรรณกรรมพื้นบ้านมีชีวิตชีวาขึ้น ทั้งให้เยาวชนได้สืบสานต่อยอดหมอลำ เด็กๆ ได้ฝึกฝนทั้งเรื่องศิลปหัตถกรรม เรียนรู้การร้องหมอลำ เด็กๆ รู้สึกเป็นเจ้าของ ตนได้ถ่ายทอดการเชิดหุ่นให้เด็กๆ มาถึงรุ่นที่ 20 แล้ว และได้แสดงในเทศกาลหุ่นโลกและเทศกาลหุ่นนานาชาติ อีกทั้งในปี 2554 ได้จดบันทึกเป็นหุ่นที่เกิดใหม่ในรัชกาลที่ 9 ตัวอย่างละครที่เล่นเป็นเรื่องวันนี้เป็นสังข์สินไชยเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่พบอยู่ทั่วไปในอุษาคเนย์
นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย กล่าวว่า การนำผู้ประกอบการจากสมาคมต่างๆ มาร่วมทริป นับได้ว่าเราได้เห็นศักยภาพของพื้นที่ เห็นความน่าเที่ยวของเมืองรองที่ถูกพัฒนาเป็นเมืองน่าท่องเที่ยว ทั้งนี้จะมีการนำลงในรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนพานักท่องเที่ยวมาใน 2 เดือนข้างหน้า เพื่อต่อยอดร้อยแก่นสารสินธุ์ การพัฒนาเมืองรองเป็นเมืองน่าเที่ยว ยังคงมุ่งไปที่การให้องค์ความรู้เป็นเครื่องมือดีที่สุดในภาคท้องถิ่น ยกระดับมาตรฐานการบริการและการท่องเที่ยว ทั้งนี้หลังจากตนได้ลงพื้นที่ มีความมั่นใจเกินร้อยหลังจากทางพื้นที่ได้ดีไซน์ออกแบบเส้นทางแล้ว จะร้อยเรียงนำไปสู่การขายอย่างแท้จริงได้ต่อไป
วันที่ 3 ของการเดินทางคณะของเราเดินทางมายัง วัดพุทธวนาราม หรือวัดป่าวังน้ำเย็น อ.เมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม เป็นวัดที่มีความสวยงามมากและมีขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางกว่า 30 ไร่ สร้างขึ้นโดย พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ ผู้เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ พระภิกษุผู้เป็นที่เคารพรักของชาวอีสาน ความโดดเด่นของวัดป่าวังน้ำเย็นคือ เจดีย์ศรีมหาสารคามองค์ใหญ่สีทองงดงาม มองเห็นสวยเด่นแต่ไกล รวมถึงศาลาการเปรียญไม้ขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศซึ่งใช้เสาไม้ถึง 112 ต้น ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ที่สร้างจากทองคำบริสุทธิ์ 3 องค์ น้ำหนักกว่า 12 กิโลกรัม
วัดพุทธวนาราม หรือวัดป่าวังน้ำเย็นวัดพุทธวนาราม หรือวัดป่าวังน้ำเย็น
ตกบ่ายหลังอาหารกลางวันก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯคณะของเราเดินทางมายัง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เข้าเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ไร่แสนดีเกษตรทฤษฏีใหม่ และเรียนรู้การทำขนมจีนด่องแด่งหรือที่ภาษอีสานเรียกว่าหัวไก่โฮกทำมาจากข้าวสาวไห้ การทำแป้งจี่ตลอดจนการแปรรูปผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์และสมุนไพรต่างๆ
สนใจมาเยี่ยมชมหรือดูงานที่ ไร่แสนดี ติดต่อได้ที่โทรศัพท์ 086 3547883
การทำขนมจีนด่องแด่ง
ขนมจีนด่องแด่ง
การทำแป้งจี่
ผลิตภัณฑ์ภายในชุมชน
สาโทสุราพื้นบ้าน
บริการนวดตัว
Tripนี้ถือได้ว่าเป็น Fan Tripครั้งแรกกับเส้นทางท่องเที่ยวภาคอีสานตอนกลาง ทุกสถานที่ที่มีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมชมทุกๆแห่ง มีเสน่ห์ มีกลิ่นอายของความเป็นอีสานชวนให้หลงเสน่ห์ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหาร ตลอดจนความเชื่อและประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามต่างๆ รวมถึงมีจุดเช็คอินสำหรับนักท่องเที่ยวสายมูอีกด้วย รับรองว่าเที่ยวอีสานสนุกแน่นอน บอกได้เลยว่าต้องติดตามรอยพวกเรามาทุกท่านห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
ไม่มีความคิดเห็น