Breaking News

ปิดฉาก! งานสัปดาห์หนังสือฯ ผู้ร่วมงานทะลุ 1.3 ล้านคน ยอดซื้อขายลิขสิทธิ์ 68 ล้าน ดันหนังสือไทยสู่ “ฮับอาเซียน” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ



ปิดฉาก! งานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 เผยยอดนักอ่าน แห่เข้าร่วมงานทะลุ 1.3 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมาย ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งสถานการณ์แผ่นดินไหว วิกฤตเศรษฐกิจ  “Gen Z” ครองแชมป์นักอ่าน ที่เข้าร่วมงานมากที่สุด สร้างสีสัน ปลุกบรรยากาศคึกคัก มั่นใจกระแสตอบรับจากพันธมิตรต่างชาติ หนุนไทยขึ้น “ฮับอาเซียน” ในปี 2569
นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า การจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 8 เมษายน 2568 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนนักอ่านที่เข้าร่วมงานตลอด 13 วันมีมากกว่า 1.3 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  แม้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด จากสถานการณ์แผ่นดินไหว ในประเทศเมียนมา และส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลกระทบทำให้ต้องปิดให้บริการเร็วกว่ากำหนด




อย่างไรก็ดี หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย และกลับมาจัดงานตามปกติพบว่า นักอ่านกลับมาเข้าร่วมงานสัปดาห์หนังสือฯ เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยพบว่าในวันที่ 29 มีนาคม 2568 หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว 1 วัน มีนักอ่านเข้าร่วมงานมากกว่า 1.3 แสนคน บ่งชี้ให้เห็นว่า นักอ่านยังให้ความสนใจ และมุ่งมั่นที่จะมาเลือกซื้อหาหนังสือเล่มโปรด ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่า ในวันธรรมดาซึ่งปกติจะมีผู้เข้าร่วมงานเฉลี่ย 7-8 หมื่นคนต่อวัน ขณะที่วันเสาร์-อาทิตย์ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.3-1.5 แสนคนต่อวันสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ล่าสุดในวันที่ 6 เมษายน 2568 มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1.7 แสนคน ถือเป็นสถิติใหม่ในการจัดงานครั้งนี้ 



ขณะเดียวกันยังพบว่า กลุ่มนักอ่านที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด คือ Gen Z คิดเป็นสัดส่วน 43.65% ตามด้วย Gen Y คิดเป็นสัดส่วน 36.1%และ Gen X คิดเป็นสัดส่วน 19.75%  ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นผู้หญิง  66% ผู้ชาย 27% LGBTQ+ 6% และไม่ระบุเพศอีกประมาณ 1%

โดยอัตราเฉลี่ยของการซื้อหนังสือ พบว่า นักอ่านใช้จ่ายเงินซื้อหนังสือเฉลี่ย 600 - 1,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 30.88%  ตามด้วย 1,000 -1,500 บาท คิดเป็นสัดส่วน 14.70% และมากกว่า 3,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 12.84%

ปัจจัยที่ทำให้งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 ประสบความสำเร็จมีหลายประการ ได้แก่การสร้างชุมชนนักอ่านที่เข้มแข็ง ทำให้นักอ่านยังคงมางานจำนวนมาก รวมทั้งยังช่วยประชาสัมพันธ์ ส่งต่อข่าวสารข้อมูล ไปยังชุมชน ทำให้เกิดความมั่นใจและเดินทางมาร่วมงานมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย การเชิญชวนอินฟลูเอนเซอร์ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์งาน ทำให้มีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นการเตรียมความพร้อมก่อนงาน มีการจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกก่อนถึงวันงาน เพื่อให้ทุกคนสามารถปรับตัวและเตรียมความพร้อมในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจ การสร้างบรรยากาศการเดินงานหนังสือในรูปแบบใหม่ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ การตอบสนองต่อสถานการณ์ แม้จะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้น แต่ผู้เข้าร่วมงานกลับมาเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่สองหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในงานและความเหนียวแน่นของชุมชน การสนับสนุนจากสมาชิก ทุกคนมีความเข้าใจและสนับสนุนกันในสถานการณ์ที่ท้าทาย ทำให้สามารถรักษายอดขายและจำนวนผู้เข้าร่วมงานได้ในระดับที่น่าพอใจ

“ภาพรวมของการจัดงานในปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เห็นได้จากจำนวนสำนักพิมพ์ที่เข้าร่วมงาน จำนวนผู้อ่านที่เข้าร่วมงานซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ยอดขายโดยรศมพบว่า ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แม้จะมีปัจจัยลบเกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งสถานการณ์แผ่นดินไหว เศรษฐกิจที่ผันผวนทั้งภายในและต่างประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และทำให้กำลังซื้อชะลอตัว”   

 นายสุวิช กล่าวอีกว่า การจัดกิจกรรมภายในงานครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการจัดงาน Bangkok Rights Fair 2025  ที่พบว่ามีการซื้อขายลิขสิทธิ์ภายในงานมากถึง  271 คู่  จากผู้เข้าร่วมทั้งหมด  135 บริษัท ใน 14 ประเทศ/เขตแดน ประกอบด้วย  เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย พม่า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย รัสเซีย เวียดนาม สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ อินเดีย และอินโดนีเซีย  ในกลุ่มประเทศดังกล่าวแบ่งเป็นบริษัทต่างชาติ 43 ราย และบริษัทไทย  92 ราย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นจำนวนผู้ซื้อ  63 ราย และผู้ขาย  107 ราย จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้มียอดการซื้อขายลิขสิทธิ์เกิดขึ้นภายในงานมากกว่า 68 ล้านบาท และในอนาคตจะมีการยกระดับการเจรจาซื้อขายหนังสือให้มากขึ้น และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางหนังสือของอาเซียนอย่างเต็มตัวในปี 2569

“ปีนี้ถือว่าสมาคมฯ ประสบความสำเร็จในด้านของการขยายตลาดไปต่างประเทศอย่างมาก เห็นได้จากการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ Taipei Book Fair Foundation เพื่อเข้าร่วมงาน Taipei International Book Exhibition 2026 ในฐานะ Guest of Honor โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีสำนักพิมพ์ไทยเข้าร่วมงานดังกล่าวจำนวน 30 สำนักพิมพ์ และมีมูลค่าการขายลิขสิทธิ์อยู่ที่ประมาณ 15.7 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ Taiwan Creative Content Agency เพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน Fellowship Program หรือทุนสนับสนุนการเข้าร่วมงาน ระหว่างสำนักพิมพ์ หรือตัวแทนลิขสิทธิ์จากไต้หวันและไทย ในงาน Taipei International Book Exhibition และ Bangkok International Book Fair โดยทุนจะครอบคลุมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชั้นประหยัด และค่าที่พักจำนวน 3 วัน 4 คืน รวมถึงความร่วมมือด้านการจัดกิจกรรมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย“ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) พร้อมเดินหน้า 4 ยุทธศาสตร์ ผลักดัน “หนังสือไทย” เป็น “ซอฟท์พาวเวอร์” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ  ชูความหลากหลายกิจกรรมไฮไลท์ภายในงานสัปดาห์หนังสือ 2568 มั่นใจภายใน 2 ปี พาหนังสือไทยขึ้นแท่น “ศูนย์กลางอาเซียน”  5 ปี สู่ “ศูนย์กลางเอเชีย”  ส่วนเป้าหมายสูงสุด นั่งแท่น “ศูนย์กลางของโลก” ภายใน 10 ปีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคือ  Author’s Salon ซึ่งสมาคมร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านหนังสือ, คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติและสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ เปิดพื้นที่ให้นักเขียนอิสระและนักเขียนทุกประเภท รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแบ่งปันประสบการณ์การเขียนกับนักอ่าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และแรงบันดาลใจให้กับนักอ่าน

"ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ขอขอบคุณนักอ่าน เพื่อนสมาชิก ที่ช่วยกันผลักดันให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมาสมาคมฯ พร้อมนำเสนอสิ่งต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักอ่านและพันธมิตรให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การจัดโซนพักผ่อน คาเฟ่  ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในอนาคตสมาคมฯ มีแผนจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับ พร้อมถอดบทเรียนจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของผู้อ่าน รวมถึงพันธมิตรอื่นๆ ด้วย” นายสุวิช กล่าวสรุป

https://youtu.be/m8phgnHBdEU?si=A_NRuXPQu-5ytynb

https://youtu.be/1RFgH8Mqd_Y?si=8kQ_Pn4VzENdvnU-

ไม่มีความคิดเห็น